1. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่สูงเกินไป: อย่าให้แล็ปท็อปหรือแบตเตอรี่ของคุณสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงเกินไปอุณหภูมิสูงอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้แบตเตอรี่หยุดทำงานโดยสิ้นเชิง
2. อย่าชาร์จแบตเตอรี่มากเกินไป: อย่าเสียบปลั๊กแล็ปท็อปทิ้งไว้และชาร์จเป็นเวลานานการชาร์จแบตเตอรี่มากเกินไปอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปและยังทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วย
3. ทำความสะอาดแล็ปท็อปของคุณ: การทำความสะอาดแล็ปท็อปเป็นประจำสามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความเครียดของแบตเตอรี่ได้ฝุ่นและเศษต่างๆ อาจทำให้ระบบระบายความร้อนของแล็ปท็อปทำงานหนักขึ้น ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นใช้ผ้านุ่มไม่เป็นขุยเพื่อทำความสะอาดด้านนอกของแล็ปท็อป และใช้ลมอัดเพื่อขจัดฝุ่นออกจากแป้นพิมพ์และช่องระบายอากาศ
4. ปิดการใช้งานโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้: โปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังอาจทำให้แบตเตอรี่หมด แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานก็ตามปิดการใช้งานโปรแกรมที่คุณไม่ได้ใช้เพื่อประหยัดพลังงาน
5. ใช้ Power Bank: Power Bank เป็นแบตเตอรี่แบบพกพาที่สามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณได้ทุกที่ทุกเวลาวิธีนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณกำลังเดินทางหรือทำงานในพื้นที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟอย่าลืมเลือกพาวเวอร์แบงค์ที่เข้ากันได้กับแล็ปท็อปของคุณ และตรวจสอบความจุเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจ่ายไฟได้เพียงพอ
6. อัปเดตแล็ปท็อปของคุณอยู่เสมอ: การอัพเดตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแล็ปท็อปของคุณอีกด้วยอย่าลืมอัปเดตซอฟต์แวร์แล็ปท็อปของคุณเป็นประจำ รวมถึงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมที่ติดตั้งไว้
7. ใช้โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ: บางโปรแกรมใช้พลังงานมากกว่าโปรแกรมอื่นๆตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอและเกมอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วพยายามใช้โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
8. เลือกโหมดพลังงานที่เหมาะสม: แล็ปท็อปจำนวนมากมีโหมดประหยัดพลังงานที่ปรับการตั้งค่าเพื่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหมาะสมที่สุดอย่าลืมเลือกโหมดพลังงานที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังดูภาพยนตร์ คุณอาจต้องการเลือกโหมดที่ปรับการเล่นวิดีโอให้เหมาะสมที่สุด